ตำนานของสโมสรบอล

“เปาโล ดิบาล่า” หลังจากที่ได้รับความไว้ใจจากทาง สโมสร ยูเวนตุส ให้สวมใส่เสื้อหมายเลข 10 ที่เป็นดั่งสัญลักษณะที่เป็น ตำนานของสโมสรบอล ซึ่ง ในฤดูปัจจุบันนี้ ทำประตูไปแล้ว 12 ประตูจาก 10 นัดรวมทุกรายการ ทำให้ ยูเวนตุส นำเป็นจ่าฝูงของ “กัลโช่ เซเรียอา” อยู่ในเวลานี้ 

“เปาโล ดิบาล่า” เด็กหนุ่มดาวรุ่งสายเลือด อินทรีฟ้าขาว อาร์เจนติน่า ที่ในชั่วโมงนี้ต้องเจอกับความกดดันทั้งสโมสรและแถมยังมีตำนานของสโมสรอีก เกี่ยวกับการที่อยากให้เขาอยู่ค้าแข้งในถิ่น เบียงโคเนรี จนแขวนสตั๊ด สาเหตุที่ทำให้ ดิบาล่า นั้นต้องคิดหนักถึงเรื่องอนาคตของตัวเอง ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนที่ทำให้เขาต้องคิดกังวล เพราะ สาเหตุหลักๆนั้น มันก็มาจากตัวของเขาเอง ที่ในฤดูการนี้ ทำผลงานให้สโมสรได้อย่างสุดยอดมากๆ จนกายมาเป็นนักเตะที่เนื้อหอมสุดๆ ในชั่วโมงนี้ ซึ่งมีหลายต่อหลายทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรป ให้ความสนใจในตัวเขาอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น คู่ปรับร่วมเมืองจากเกาะอังกฤษ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรมหาอำนาจทางการเงินจากเมืองแดนน้ำหอม ปารีส แซงค์ แชง แม็งต์ หรือแม้กระทั้ง 2 สโมสรมหาอำนาจแห่งวงการลูกหนังโลก ที่โคจรมาพบกันเมื่อใด จะมีชื่อการแข่งขันเท่ล์ๆ อย่าง ศึก เอลกาซิโก ราชันชุดขาว เรอัลมาดริด และ เจ้าบุญทุ่ม บาร์เซโลน่า ทุกสโมสรยักษ์ใหญ่แห่งวงการฟุตบอลในฝั่งยุโรป ล้วนแล้วแต่ให้ความสนใจ ยอมที่จะทุ่มเงินให้กับ ม้าลาย ยูเวนตุส เพื่อเป็นค่าตัวของ “เปาโล ดิบาล่า”

แต่ในครั้งหนึ่งที่ ดิบาล่า นั้นเคยออกมากล่าวถึง เหตุการณ์ที่ ทีมปีศาจแดง พร้อมที่จะทุ่มเงินให้ เบียงโคเนรี ใจอ่อนยอมที่จะปล่อยตัวเขาไปลงหลุมผี ว่า  “อเล็สซานโดร เดล ปิเอโร่ คือ ตำนานของสโมสรแห่งนี้ ในครั้งหนึ่งของชีวิตผมหลังจากที่ได้รับเสื้อหมายเลข 10 ผมรู้สึกกดดันจนไม่กล้าที่จะสวมใส่เสื้อตัวนี้ แต่ปัจจุบันนี้ ผมคือคนที่สวมใส่เสื้อหมายเลข 10 ของ ยูเวนตุส ผมจะไม่มีทางทิ้งความเชื่อใจของ เดล ปิเอโร่  ไปไหน ดั่งคำที่ “อเล็ส” พูดมันจนติดปาก “สุภาพบุรุษ ไม่มีวันที่จะทิ้ง สุภาพสตรี ที่ตนรัก” และเขาก็กายมาเป็นตำนานของสโมสรแห่งนี้

ตำนานผู้จัดการทีมบอล

“โชเซ่ มูรินโญ่” ผู้จัดการทีม ปีศาจแดง “แมนฯยูไนเต็ด” ได้เข้าใกล้ การทำสถิติเทียบเท่ากับสุดยอด ตำนานผู้จัดการทีมบอล ปีศาจแดง “แมนฯยูไนเต็ด” นั้นก็คือ “อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน” กุนซือที่นำเอาความสำเร็จทั้งหลายทั้งปวงมาสู่ ถิ่น “โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด” ซึ่ง เฟอร์กี้ นั้น ได้พาทีม “ปีศาจแดง” ไม่แพ้ใครในรัง“โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด”ติดต่อกันได้ยาวนานที่สุดถึง 37 นัด

ในเวลาปัจจุบันนี้ ผู้จัดการทีม ปีศาจแดง “แมนฯยูไนเต็ด” เพิ่งจะพาลูกทีมเปิดหลุม “โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด” ไล่ถล่มทีมเยือน สโมสรที่ไม่คิดจะเอาแต้มในฤดูกาลนี้ อย่าง ปราสาทเรือนแก้ว “คริสตัล พาเลส” ไปถึง 4 ประตูต่อ 0 ซึ่งทำให้ “มูรินโญ่” นั้น พาทีม ปีศาจแดง “แมนฯยูไนเต็ด” ไม่แพ้ทีมใดในหลุม “โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด” มาเป็นจำนวน 34 นัด ในขณะที่ “เซอร์ อเล็กซ์” ได้นำทีมปีศาจแดง ไม่แพ้ใครในบ้าน 37 นัด แต่น่าเสียด้าย ที่ต้องมาหยุดสถิติลง ในฤดูกาล 2010/11 นั้นก็หมายความว่า ในเวลานี้ “โชเซ่ มูรินโญ่” ต้องการเกมในหลุม “โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด” อีกเพียง 3  นัด เท่านั้น ผู้จัดการทีม ปีศาจแดง “แมนฯยูไนเต็ด” ก็จะสามารถทำสถิติขึ้นมาเทียบเท่ากับ “เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน” ที่เคยทำไว้ ที่ 37 นัด แต่ถ้ามองถึงความเป็นไปได้แล้วนั้น “โชเซ่ มูรินโญ่” ผู้จัดการทีม ปีศาจแดง “แมนฯยูไนเต็ด”  ต้องเจอกับแข่งขันในเดือนตุลาคมนี้ แบบสาหัสกันเลยทีเดียว  ถึงแม้ว่าทัพปีศาจแดงจะได้เล่นในหลุม “โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด” ก็ตาม เพราะต้องเปิดหลุมผีต้อนรับ ไก่เดือยทองจากกรุงลอนดอน “ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์” และฟุตบอลถ้วยใหญ่ของยุโรป ยูฟ่า แชมป์เปี้ยน ลีก ที่ต้องเจอกับสโมสรในบ้านเกิดตนเอง อย่าง “เบนฟิก้า”

นักบอลยอดเยี่ยม ประจำเดือนกันยายน

“อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล” ได้ถูกรับเลือกให้เป็น นักบอลยอดเยี่ยม ประจำเดือนกันยายน จากการช่วย สโมสร ปีศาจแดง “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” นำเป็นทีมอันดับ 1 ของตาราง ร่วมกับทีมคู่ปรับร่วมเมือง แมนเชสเตอร์ อย่าง ทีมเรือใบสีฟ้า “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” อยู่ ณ เวลานี้ ทำให้แฟนบอลทีมปีศาจแดงและคนที่ชื่นชอบในการเสี่ยงโชค ที่ได้วางเดิมพันแทงบอลออนไลน์กับทีมปีศาจแดง ต้องเรียกร้องที่จะให้ “โชเซ่ มูรินโญ่” ส่งเขาลงเป็นตัวจริงทุกนัดที่ทีมได้มีการลงแข่งขัน

หลังจากที่แนวรุกของทีมปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ระเบิดฟอร์มอันสุดยอด จนทำให้แฟนๆที่ดูบอลปีศาจแดงประทับใจในฟอร์มการเล่น ร่วมถึงนายใหญ่ของสโมสรอย่าง “โชเซ่ มูรินโญ่” ที่ได้เห็นฟอร์มการเล่นที่พัฒนาขึ้น ตามแผนการซ้อมที่ “มูรินโญ่” ได้วางแผนให้ จนได้รับความไว้ใจและยึดตำแหน่งตัวจริงของปีศาจแดงตลอดทั้งเดือนที่ผ่านมา

ซึ่ง “มาร์กซิยาล” ในฤดูกาล 2017-2018 ที่ได้ทำการแข่งขันไปแล้ว 7 นัด เจ้าหนูสายเลือดน้ำหอมฝรั่งเศส ทำผลงานได้อย่างน่าอัศจรรย์ จากการลงเล่น 6 นัด ในเวที พรีเมียร์ ลีก ทำประตูไปได้ 3 ประตู ค่าเฉลี่ยการทำประตู 0.5%  นั้นก็หมายความว่า เมื่อเจ้าหนู “มาร์กซิยาล” ลงสนาม 2 นัด เขาจะสามารถทำประตูทีมคู่แข่งได้ 1 ประตู

ศุนย์หน้าสายเลือดฝรั่งเศส ได้ย้ายมาจากทีม “โมนาโก” ในปี ค.ศ. 2015 ด้วยค่าตัวมหาศาลในฐานะดาวรุ่ง 36 ล้านปอนด์ และค่าตัวนี้นั้น “อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล”  จึงกลายเป็นดาวรุ่งที่มีค่าตัวการย้ายสโมสรแพงที่สุดในพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ

ซัดบอลลูกโทษ ของ “แฮร์รี่ เคน”

“แฮร์รี่ เคน” ศูนย์หน้า สิงโตคำราม ทีมชาติอังกฤษ ที่เพิ่งจะทำประตูในเกมการแข่งขัน นัดล่าสุด เป็นการทำประตูจากการ ซัดบอลลูกโทษ ที่จุดโทษใส่ ประเทศ “ลิธัวเนีย” ส่งผลให้ทีม สิงโตคำราม อังกฤษ บุกไปเฉียนชนะประเทศเจ้าถิ่น ไปด้วยผลสกอร์ 1 ประตูต่อ 0 โดยที่การซัดลูกโทษที่จุดโทษของ “แฮร์รี่ เคน” นั้น คือประตูปิดฉากอันสวยงามของ ทัพสิงโตคำราม อังกฤษ ในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนยุโรป 2018 นัดสุดท้าย

ช่วยให้ชาติบ้านเกิดตยเองผ่านเข้ารอบไปเล่นบอลโลก 2018 ที่จะจัดขึ้นภายในปีหน้า ที่ประเทศรัสเซีย  หลังจากที่ ศูนย์หน้าจาก สโมสร “ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์” ได้ส่งบอลเข้าไปนอนซบอยู่ที่ก้นตาข่ายลิธัวเนีย จากจังหวะการยิงลูกโทษที่จุดโทษใส่ ทีมเจ้าถิ่นลิธัวเนีย ในครั้งนี้นั้น ได้ทำให้ดาวยิงจากเล้า ไก่เดือยทอง เจ้าของรางวัลรองเท้าทองคำ 2 สมัยซ้อน ในฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ได้สร้างสถิติให้ทีมชาติและสโมสรอะไรเอาไว้บ้าง เราลองมาดูกัน…

สถิติหลังจบเกมของ “แฮร์รี่ เคน”

  1. สิงโตคำรามอังกฤษ ทำสถิติคว้าชัยเหนือลิธัวเนียทั้ง 4 เกมที่พบกัน โดยมียอดการทำประตูรวม 10 ลูก และไม่เสียเลยสักลูก
  2. สิงโตคำรามอังกฤษ แพ้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น จากการเล่นเกมเยือน 32 นัดหลังสุดในวันอาทิตย์ โดยที่เหลือแบ่งเป็นชนะ 20 ครั้ง และเสมอ 11 ครั้ง
  3. “เคน” ซัดประตูได้ทั้งหมด 4 เกม ที่เขารับหน้าที่เป็นกัปตันให้กับ สิงโตคำราม อังกฤษ
  4. “เคน” ซัดประตูไปแล้ว 15 ประตู จากการลงสนาม 10 เกมหลังสุด ทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ
  5. “เคน” ซัดประตูไปแล้ว 43 ประตู จากการลงสนาม 37 เกมในปี 2017 ทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ
  6. 11 ประตูหลังสุดในนามทีมชาติอังกฤษ มาจากการยิงของนักเตะ ไก่เดือยทอง ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ถึง 8 ลูก

เรียกได้ว่านี่เป็นยุคสมัยของ เคน และ สเปอร์ส โดยแท้จริง ซึ่งแฟนๆ ไก่เดือยทองก็สามารถพูดได้เต็มปากเลยว่าทุกวันนี้พวกเขาได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในทีมระดับหัวแถวของยุโรปได้แล้ว